บทความนี้จะขอ
อธิบายราคาบอล ในรูปแบบต่างๆ เช่น ราคาบอลแบบยูโร ราคาบอลฮ่องกง ราคาบอลมาเลย์ เป็นต้น เพราะก่อนการเข้าเล่น แทงบอลออนไลน์ กับทาง
Sbobet ผู้เล่นควร
เรียนรู้ราคาบอล ในแต่ละรูปแบบ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร และควรที่จะ
ศึกษาราคาบอล เกี่ยวกับวิธีการดูค่าน้ำ รวมถึงเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดราคาบอล ว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง สาเหตุที่เราจะต้อง อธิบายราคาบอล นั่นก็เพราะในการแทงบอล Sbobet มีรูปแบบราคาบอลหลากหลายรูปแบบมาก ซึ่งนักพนันหน้าใหม่ ๆ อาจจะยังไม่เข้าใจ และยังไม่รู้ถึงความแตกต่าง จึงทำให้อาจจะเล่นแบบผิดๆ ถูกๆ ได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้อง เรียนรู้ราคาบอล ให้เข้าใจอย่างละเอียด
อธิบายราคาบอล ในรูปแบบต่างๆ
1. ราคาบอลแบบมาเลย์ : มีอักษรย่อว่า " My " ซึ่งหมายถึง ราคาบอลแบบมาเลย์หรือที่นักพนันบอลมักจะเรียกว่า "ราคาน้ำแดง" โดยหากราคาเป็นสีดำ (จะไม่มีเครื่องหมายติดลบด้านหน้า) เช่น 0.89 ความหมายคือ สมมติลูกค้าเดิมพัน 100 บาท ถ้าลูกค้าแทงถูกจะได้เงิน 100 x 0.89 = 89 บาท แต่ถ้าเสีย จะเสีย 100 บาทเต็ม แต่หากราคาเป็นสีแดงและมีเครื่องหมายติดลบข้างหน้า ตัวอย่างเช่น -0.90 ความหมายคือ สมมติลูกค้าเดิมพัน 100 บาท ถ้าถูกก็จะได้กำไร 100 บาท (ไม่รวมทุน) แต่ถ้าแทงเสียก็จะเสียแค่ 90
2. ราคาบอลแบบฮ่องกง : ใช้อักษรย่อว่า “HK” เป็นอีกรูปแบบที่นักพนันบอลออนไลน์ให้ความนิยม รูปแบบของราคาบอลแบบฮ่องกงคือ สมมติลูกค้าเลือกเล่นราคาฮ่องกง 0.63 ความหมายคือ ถ้าลูกค้าวางเดิมพัน 100 บาท ถ้าลูกค้าชนะลูกค้าจะได้เงิน 163 บาท (รวมทุน) แต่ถ้าหากว่าแทงเสีย จะเสีย 100 บาทเต็ม
3. ราคาบอลแบบเดซิมอล (แบบยูโร) : ใช้อักษรย่อว่า “Dec” ราคาบอลแบบเดซิมอลหรือแบบยูโรนี้จะเป็นราคาแบบรวมทุน คือ หลังจากคำนวณเรียบร้อยแล้วให้หักราคาทุนออกก็จะเป็นยอดกำไรที่เราได้ เช่น ลูกค้าเลือกเล่นราคายูโร 1.97 ความหมายคือ ถ้าลูกค้าวางเดิมพัน 100 บาท ถ้าชนะลูกค้าจะได้ 100 x 1.97 = 197 บาท(รวมทุนด้วย) ดังนั้นเมื่อหักทุนที่แทงออก 100 บาท คือ 197 – 100 = 97 ก็จะเป็นกำไรที่ได้ แต่ถ้าแทงเสีย ก็จะเสีย 100 บาทเต็ม
4. ราคาบอลแบบอินโด : ใช้อักษรย่อว่า " Indo " เป็นราคาที่คำนวณมาให้ว่าผู้เล่นนั้นต้องลงเดิมพันเท่าใดถึงจะได้กำไร 1 หน่วย ตัวอย่างเช่น -5.00 หมายถึง ผู้เล่นต้องลงเดิมพันที่ 5 บาท ถึงจะได้กำไร 1 บาท หากราคาแบบอินโด ไม่ติดลบก็จะคิดการได้เสียเหมือนราคาแบบ HK ทุกอย่าง
5. ราคาบอลแบบอเมริกัน : ใช้อักษรย่อว่า " Us " เป็นราคาที่คำนวณมาให้ว่าผู้เล่นนั้นต้องลงเดิมพันเท่าไหร่ถึงจะได้กำไร 100 หน่วย ตัวอย่างเช่น -500.00 นั้นหมายถึง ผู้เล่นต้อลงเดิมพัน 500 บาท ถึงจะได้กำไร 100 บาท ราคาแบบ Us คิดเป็นการได้เสีย จะคิดเหมือนราคาแบบ Indo ทุกอย่าง แต่ให้คูณด้วย 100 เท่านั้นเอง
ควรเลือกเล่นราคาบอลแบบไหนถึงจะได้กำไรมากที่สุด
ถ้าหากผู้เล่นนั้นลงเดิมพันกับระบบเอเย่นที่มีค่าคอมมิชชั่นจากยอดแทง เช่น เว็บ Sbobet168 ให้เลือกเล่นราคาบอลแบบมาเลย์ จะเป็นทางเลือกที่ได้คอมมิชชั่นเยอะกว่า โดยอย่างการแทงราคามาเลย์น้ำแดง -0.50 ไป 10,000 ถ้าได้ ก็จะได้เต็ม 10,000 และหากเป็นการแทงเสีย ก็จะเสียแค่ 5,000 หรือพูดง่ายๆว่าเงินที่ผู้เล่นลงเดิมพันไปนั้นจริงๆ แค่ 5,000 (แต่เวลากดวางเดิมพันเราวางเดิมพันไป 10,000 ก็จะหักยอดของเราออกไปแค่ 5,000) ซึ่งเวลาที่เว็บเอเย่นต์คิดค่าคอมมิชชั่นนั้นจะเอา 10,000 ไปคิดไม่ใช่เลข 5,000 ไปคำนวณเพราะเป็นการคิดจากยอดที่เรากดลงเดิมพันนั่นเอง
จากข้อมูลเกี่ยวกับการ
อธิบายราคาบอล ทั้ง 5 แบบที่กล่าวมาข้างต้นนั้น หากผู้เล่น เรียนรู้ราคาบอล ให้เข้าใจก่อนเข้าแทงบอลกับ Sbobet ก็จะเห็นภาพรวมและเกิดเป็นทักษะการเรียนรู้ว่า ควรเลือกเล่นราคาบอลแบบไหนที่จะทำให้ผู้เล่นนั้นได้ผลตอบแทนมากที่สุด เรียกว่าการ ศึกษาราคาบอล ก่อนเข้าแทงบอลกับ Sbobet อย่างเช่นการทำความเข้าใจราคาต่อรองแบบต่างๆ ก็จะทำให้ผู้เล่นได้ประโยชน์สูงสุด และสามารถทำเงินจากการเล่นแทงบอลออนไลน์ได้แบบง่าย ๆ
